วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ตำนานบ้านธรรมชาติ Cottage Home



หลังจากฉันได้ปลดเปลื้องภาระอันหนักอึ้งออกจากบ่า ที่ต้องแบกมานานแสนนาน ฉันเริ่มหาจุดยืน เริ่มต้นหาชีวิตที่แท้จริงของฉัน และหาตัวตนของฉัน แท้จริงฉันคือใคร ทำอะไร จะเป็นอย่างไรนับจากนี้...ฉันเริ่มเห็นภาพอนาคตรางๆ แต่มันยังไม่สาย แม้นชีวิตที่ผ่านมาทุ่มเทกับงานมากจนลืมตนเอง ฉันเริ่มสูดหายใจเข้าปอดลึกๆๆ สิ่งรอบตัวฉันมันมีอะไรให้น่ามองมากมาย ฉันได้พลาดความงามเหล่านี้ไปได้อย่างไร ฉันโชคดีที่ยังมีเวลาอีกระยะหนึ่งในการอยู่ในโลกใบนี้อย่างคุ้มค่ากับชีวิตที่เกิดมา จึงเริ่มตั้งเป้าหมายชีวิตใหม่ เราจะทำอะไรบ้าง เป็นสิ่งแรก อะไรคือความต้องการที่แท้จริง ที่ผ่านมาฉันใช้ชิวิตในเมืองเป็นส่วนใหญ่ แต่ความต้องการอย่างกระหายคือธรรมชาติ ฉํนจึงเริ่มหาพื้นที่จะปลูกกระท่อมเล็กๆ มีธรรมชาติใกล้บ้าน สามารถเดินทางไปสะดวก อบอุ่น ใกล้ญาติพี่น้อง มีปัญหาอะไรสามารถขอความช่วยเหลือได้ โชคดีบ้านแม่ และน้องสาว ได้สร้างบ้านอยู่ในเมืองค่อนข้างมีความสงบ มีธรรมชาติ แม้ท่านจะยกบ้านของท่านให้ฉัน แต่ฉันยังอยากสร้างบ้านตามความต้องการที่ฉันอยากได้ น้องสาวเสนอให้ใช้พื้นที่เหลืออีกมากสร้างได้ตามใจชอบตรงไหนก็ได้ เรื่องพื้นที่บ้านไม่มีปัญหา ฉันจะไปปลูกบ้านท้ายสวน หลังจากนั้นเริ่มออกแบบบ้าน โดย search จาก internet ได้มาหลายแบบ ฉันเริ่มเอาจริงเอาจังเตรียมปรับดิน ให้แม่หาช่าง เมื่อทุกคนเห็นว่าฉันจะสร้างบ้านแน่ๆ น้องสาวกับน้าสาวมาคุยว่าไม่อยากให้ฉันไปสร้างไกล มันลำบากไปมาหาสู่ไม่สะดวก ไปอยู่ตามลำพังเป็นห่วง มันไกล ( 600 เมตร )เอง แต่เขาเสนอให้สร้างในรั้วบ้านเพราะยังมีที่เหลือเฟื่อ จะเอาด้านหน้าซึ่งเป็นโรงรถก็จะรื้อให้แล้วสร้างโรงรถใหม่ เหลือจะเลือกอยู่ระหว่างบ้านน้องสาวกับบ้านน้าก็ได้ เพราะน้ามาสร้างบ้านได้4-5 ปี แล้ว ได้เชื่อมรั้วให้ยาวต่อกัน และทุบรั้วเดิมที่กั้นระหว่างบ้านน้ากับน้องสาวออก ทำให้เห็นความเชื่อมโยงเป็นเนื้อเดียวกัน ฉันถามว่าที่พูดจริงหรือเปล่า ไม่ใช้ทำไปแล้วมีปัญหา ฉันไม่เอาด้วย ทุกคนบอกว่าจริงๆ เป็นห่วงถ้าไปสร้างท้ายสวน ให้เลือกตามความต้องการ ฉันได้ไตร่ตรองโดยใช้จิตจับว่าฉันต้องการที่ไหนในสองที่นี้ จิตฉันจับความรู้สึกได้ว่าควรสร้างระหว่างบ้านน้องสาวกับบ้านน้า แต่น้าฉันมีข้อแม้ว่าอย่าสร้างบ้านบังหน้าบ้าน เราดูแบบที่เราคิดไว้น่าจะมีปัญหาเพราะบ้านน้าไม่ได้หันหน้าบ้านไปข้างหน้า แต่ใช้หน้าบ้านแบบตั้งขวางอยู่ตรงกลางพื้นที่ ฉันเริ่มหนักใจ ฉันต้องเปลี่ยนแบบใหม่จากทีเตรียมไว้ ถ้าเปลี่ยนที่สร้างต้องเปลี่ยนแบบ เป็นช่วงที่ต้องคิดใหม่ทำใหม่ในข้อจำกัดที่ได้มา เมื่อคิดว่าได้แบบที่พอจะสอดคล้องกับข้อจำกัด ฉันก็เอาความคิดของฉันไปจ้างมือใหม่หัดเขียนแปลนของเทศบาลแกะแบบ แบบที่ฉันคิดใหม่ได้ความคิดจากการสร้างในสไตล์ cottage ใน website


แบบที่ฉันใช้ในการสร้างและนำไปแกะแบบ


เป็นบ้านสไตล์ Cottage เป็นการออกแบบบ้านแบบกระท่อม เป็นบ้านที่มีรูปทรงอบอุ่น บ้านไม่เล็กหรือแคบเกินไป ขนาดกระทัดรัด มีหน้าต่างมาก เหมาะเป็นบ้านพักผ่อน หลีกหนีจากสภาพวุ่นวายจำเจของชีวิตประจำวัน เป็นที่ได้รับอากาศบริสุทธิ์อย่างเต็มที่ จะนอนอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ หรือจะชมนกชมไม้ได้ทั้งวัน สามารถขุดดินทำสวนอย่างอิศระ เป็นบ้านที่สามารถดูแลบ้านได้ตนเอง เนื้อที่ไม่มากนัก มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน การออกแบบจะดูเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสามารถสร้างเพิ่มเติมได้ เพราะตัวแบบมีความยืดหยุ่นในการต่อเติม เป็นแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ มีห้องนั่งเล่น ห้องครัวและทานข้าวอยู่ร่วมกัน ฉันได้ปรับรูปแบบภานในใหม่เป็นห้องนอนห้องเดียวใหญ่ไปเลย และมีห้องน้ำในตัวแยกเป็น พื้นที่ห้องน้ำ และห้องแต่งตัวอยู่ด้วยกัน คนเขียนแบบยังเป็นช่างที่ฝึกงานแต่มาทำงานที่เทศบาล เป็นผู้ช่วยชางใหญ่ซึ่งเราต้องการให้เขาเขียนแต่ไม่มีเวลาจึงส่งน้องใหม่มาให้ สำหรับฉันไม่มีปัญหา เพราะถ้าเขียนจากคนทำงานในเทศบาลมักไม่มีปัญหาในการออนุมัติแบบสร้างบ้าน


ระหว่างรอแบบ ฉันก็สืบถามราคาการรับเหมาก่อสร้างว่าเขาจะคิดค่าแรงอย่างไร เพราะของในการก่อสร้างเราจะซื้อเอง ในช่วงที่สร้างบ้านจากการสอบถามราคาตกตารางเมตรละ 2000 บาทขึ้นไป แต่ช่างทีแม่ฉันหามาให้ เป็นช่างก่อสร้างในวัด รับงานวัดทำไปตั้งแต่ต่อเติม ปรับปรุงวัด แม่ขออนุญาตเจ้าอาวาสขอช่างมาช่วยสร้างบ้านลูกสัก 3-4 เดือน ท่านก็อนุญาต หลังได้คุยกับช่างๆคิด ตารางเมตรละ 1000 กว่าบาท ในใจฉันบอกว่าถูกมากหลังจากที่ฉันสอบถามราคามาหลายแห่ง ฉันไม่ต่อสักคำเป็นอันว่า OK




ช่างนัดมาตีผัง ช่วงตีผังฉันเกือบถอดใจเลิกสร้างแล้ว เพราะโดนกดดันเรื่องการไม่ให้บังหน้าบ้านน้า ซึ่งมาดูละเอียดยิบ เพราะการตีผังจะตีเกินพื้นที่จริงพอรื้อออกก็จะไม่บัง ช่างฉันยืนยัน แต่ฉันก็ให้ถอยบ้านไปชิดกำแพงด้านหลัง ช่างบอกว่าไม่ควรชิดกำแพงมากเกินไปจะมีปัญหาเรื่องหลังคาเวลาฝนตกน้ำจะกระเด็นไปนอกรั้ว ฉันบอกว่าถอยอีกสักนิดเพื่อความสบายใจหลังคาก็ต้องใส่รางน้ำเอา ช่างของฉันน่ารักมากขยับให้เล็กน้อย


ช่างฉันไม่ใช้เป็นเถ้าแก่ใหญ่มาทำงานด้วยรถ ... จักรยานสองล้อเพราะขับรถเครื่องไม่เป็น ไม่ต้องเป็นรถกะบะหรอก มาทำงานแต่เช้าทุกคนมาถึงหน้างานประมาณ 7.30 น. เริ่มลงมือทำไม่มีการอู้งานจนถึง 17.00 น.จึงกลับเก็บของเข้าที่เรียบร้อย แม่ได้หาฤกษ์ในการวางเสาเอกให้ และนิมนต์ท่านเจ้าอาวาสมาทำพิธี วันนั้นฉันแต่งชุดขาวเตรียมดอกไม้ ไม้สำหรับตอกทำพิธี อิฐ เพชรนิลจินดา สตางค์ ซึ่งลงเสาเอกในเดือนกันยายน 49

การสั่งของและอุปกรณ์ต่างๆในการทำบ้าน จะสั่งจากร้านที่แม่รู้จักและเปิดบัญชีการสั่งของไว้ให้ ช่างจะสั่งของโดยตรงที่ร้านแบบประหยัด ของใช้ไม่ฟุ่มเฟือยอันนี้เชื่อใจได้ เมื่อรับของช่างก็จะเอาใบเสร็จไปให้แม่ แม่ก็จะทำบัญชีรายรับรายจ่าย กระทบยอดไว้แจ้งให้ฉันทราบทุกอาทิตย์ บอกแล้วว่าฉันเป็นคนทำงานด้วยใจ ฉันเชื่อใจแล้วจะไม่ตรวจสอบให้ empowerment เต็มที่จะได้สบายใจทุกฝ่าย ฉันมองแต่กรอบใหญ่ในความน่าจะเป็นกับการสั่งและการใช้ของๆช่างว่าสอดคล้องไม่กับของที่สั่ง ช่างทำงานทุกวันเดือนหนึ่งหยุดวันเดียวคือวันสิ้นเดือน เมื่อถึงเวลาเที่ยงหยุดพัก 1 ชม. พอบ่ายโมงตรงก็เริ่มทำงานจนถึง 5 โมงเย็นทุกวัน วันศุกร์ฉันจะเดินทางมาดูงาน และกลับวันอาทิตย์เย็น พูดคุยกับช่างถึงของที่ต้องซื้อจากในเมือง เมื่อฉันกลับมาทำงานทุกเย็นฉันจะเดินสำรวจอุปกรณ์ก่อสร้างแทบทุกร้านที่มีในเมือง เทียบราคาของ และคิดออกแบบอุปกรณ์ที่จะใช้ เช่น อุปกรณ์ห้องน้า กระเบื้องปูพื้น ปูระเบียง ไม้ปาเก้ปูห้องนอน และห้องรับแขก หน้าต่าง ประตู อุปกรณ์เกี่ยวกับประตูหน้าต่างทั้งหมด วันเวลาช่วงนั้นเหมือนมีงานทำตลอด กว่าจะกลับเข้าบ้านในเมืองก็เหนื่อยมากๆ สนุกดีได้ความรู้เรื่องการก่อสร้าง การเลือกวัสดุของแต่ละยุคจะมีความนิยมแตกต่างกันไป บางอย่างก็ดัดแปลงอุปกรณ์และแบบในระหว่างทำ


ฉันโชคดีที่การตัดสินใจทั้งหมดฉันสามารถทำได้ด้วยตนเองไม่ต้องรอปรึกษาใคร ที่ฉันทราบมาการสร้างบ้านทำให้ครอบครัวงอนกันก็มี ไม่พอใจบ้าง โกรธกันไม่พูดกันหลายวัน เพราะคนหนึ่งจะเอาอย่างหนึ่งอีกคนจะเอาอีกอย่างหนึ่งเมื่อหาความลงตัวไม่ได้ก็เกิดอาการ ถ้าตกลงได้ก็ยิ้มแย้มเออออกันไป มันก็งดงามไปแบบหนึ่ง แต่ฉันจะตัดสินเองภายใต้การหาข้อมูลจาก website ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ช่างฉันมีความอดทน แม้ไม่เคยรับทำบ้านให้ใครมาก่อน นอกจากทำงานให้วัด งานจะออกมาเนียบหรือไม่ ตรงนี้ต้องยอมรับ แต่แน่ๆความสบายใจในเรื่องความซื่อตรง ไม่คดโกง หรือยักยอก การไม่สร้างความรำคาญให้กับบ้านน้องสาว และน้าสาว ฉันก็... OK

เริ่มดำเนินการก่อสร้าง อย่างไม่หยุดยั้ง บ้านเริ่มก่อตัวให้ฉันได้เห็นการพัฒนาของตัวมันเองทีละเล็กละน้อย จนฉันอดใจไม่อยู่ว่าเมื่อไรจะเสร็จ ฉันเตรียมพร้อมที่ละมือตกแต่งเบื้องต้น


โครงสร้างเสร็จก็หมดหน้าที่ของผู้รับเหมา แต่ฉันโชคดีผู้รับเหมายังดูแลรายละเอียดภายใน และภายนอกให้โดยไม่มีการเรียกเงินเพิ่มเพราะฉันเหมาค่าแรงงานทำตัวบ้าน สำหรับรายละเอียดเช่น การปูพื้น ทำฝาเพดาน ภายในห้องน้ำจะต้องหาช่างอื่นมาทำ งานอะไรที่ช่างทำได้ก็จะช่วย มีงานบ้างอย่างช่างก็รับงานให้โดยคิดราคาไม่แพง และติดตามดูแลช่างอื่นที่มาทำ และช่วยเก็บงานปรับพื้นที่รอบบ้านให้เรียบร้อย เพราะฉันไม่ได้อยู่ประจำที่นี้ ข้างในบ้านเริ่มลงมือปูพื้น ขัดพื้น ทาสี ทำห้องน้ำ
เมื่องานภายในเสร็จฉันก็เริ่มจัดบ้าน โดยเอาสมบัติบางส่วนจากบ้านในเมืองที่ฉันอยู่ประจำถ่ายโอนมาที่นี้ มีซื้อเพิ่มเติมเล็กน้อย ต้นไม้ก็เดินหาจากข้างบ้าน แวะซื้อตามข้างทาง สัตว์ประกอบสวนเวลาเข้ากรุงเทพ เห็นอะไรที่พอนำติดตัวมาไม่สร้างภาระให้ในการพกพา ฉันก็หิ้วมา ค่อยเป็นค่อยไป





เมื่ฉันจัดภายในเสร็จ ก็มาจัดภายนอกทั้งหน้าระเบียงหน้าบ้านใหญ่ และระเบียงหน้าบ้านเล็ก




กว่าจะเสร็จใช่เวลาประมาณ สามเดือนกว่า ระหว่างทำก็ปรับแบบไปจากตัวอย่างที่ทำ โดยใช้ไม้ไทยๆ สอดแทรก เช่น ลูกกรง ใช้ไม้ทางเหนือ หลังเสร็จโครงสร้าง ช่างปูพื้น ทำห้องน้ำ ขัดไม้ ทาสั ก็ทยอยเข้ามาทำงาน ช่างทำฝ้า ทำไฟ ตอนแรกความเข้าใจของฉันคิดว่าช่างรับเหมาทำหมด โง่มากๆ ฉันได้ความรู้อีก แต่โชคดี ช่างของฉันรับดูแลการทำงานของช่างต่างๆ ให้ตลอด ติดมุ้งลวด เหล็กดัด ปรับพื้นสนามถมดินรอบบ้านเพิ่มเติ่ม และทำประตูรั้วเป็นซุ้มให้ฟรีโดยไม่คิดค่าแรง หาที่ไหนได้ ฉันมีปัญหากับการทาสีบ้านอีก ฉันต้องการทาสีเหมือนบ้านที่ฉันเลือกแบบ คือหลังคาสีน้ำเงิน ตัวบ้านทาสีออกแดง พอคนรอบข้างทราบแนวคิดเริ่มมาพูดคุยว่าขอให้ทาสีเรียบๆ อย่าฉูดฉาด ฉันก้กลับไปค้น internet ก็พบเรื่องการเลือกสีบ้านว่าต้องถามเพื่อนบ้านในการยอมรับสีที่จะทาหรือไม่ เพราะเราเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อม อย่าให้ความรู้สึกของเพื่อนบ้านไม่ดีต่อการทาสี ฉันต้องเปลี่ยนสีหลังคาเป็นน้ำตาลและตัวบ้านทาสีออกครีมอ่อนๆ พอดีมีญาติห่างๆเขาขายสี ภรรยาเขาชอบเรื่องสีมากได้ให้การช่วยเหลือในการเลือกสี บังเอิญสีที่ใช้เป็นยี่ห้อโจตัน ฉันพึ่งกลับมาจากเที่ยวแถวสแกนดิเนเวีย ฉันจึง ok กับสียี่ห้อนี้เพราะสภาพเมืองทางยุโรบเหนือหน้าหนาวมันทุกข์ทรมาน อากาศจะชื้นๆมัวๆ เข้ากับอากาศของที่นี้ในฤดูฝน ที่ฝนตกชุก ชื้น โอกาสเกิดราสูง ฉันจึงเลือกสียี่ห้อนี้เพราะทำจากประเทศที่ฉันไปมา ฉันอยู่บ้านนี้แม้ว่าจะมาเฉพาะวันหยุดก็เกือยสามปี ฉันเริ่มมีไอเดียใหม่ๆในการต่ดเติมบ้าน โดยปรับตรงส่วนระเบียงเล็ก รื้อและต่อเติมเป็นห้องกระจก ไว้เป็น living room ในช่วงสามเดือนหลังของปีในเมืองที่ฉันอยู่ ช่วงนั้นอากาศดีมากๆ และได้ตัดห้องน้ำในบ้านออกหนึ่งห้อง ตอนสร้างใหม่ๆ เหลือห้องน้ำห้องเดียวที่ห้องนอน ก็มาขยายเพิ่มออกด้านข้าง จึงขอบอกว่าแบบ cottage นั้นยืดหยุ่นในการต่อเติมง่ายมากๆๆ ตามที่นักออกแบบให้ความเห็นไว้ บ้านฝรั่งที่อยู่ชนบทมักจะเริ่มจากแบบ cottage แล้วเริ่มขยายเชื่อมโนงห้องต่างๆ ใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้น สำหรับของฉัน กระท่อมน้อยๆจึงออกมาตามที่เห็นจากรูปข้างล่าง

วันเวลาผ่านไปต้นไม้เริ่มโต ความร่มรื่นเข้ามาเยือน ทำให้บรรยากาศโดยรอบสดชื่น การเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาเกิดขึ้นเป็นช่วงๆ การจัดบ้านเปลี่ยนแปลงไปเป็นระยะๆ เพราะตัวฉันมีติส...เล็กอยู่ในหัวใจ



ส่วนที่ต่อเติมใหม่

ความต้องการของมนุษย์ไม่สิ้นสุด ล่าสุดฉันก็ต่อเติมครัวนอกบ้านอีก ไม่ทราบข้างหน้าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไม่ เพราะฉันมันพวกติสหน่อยๆๆๆ



วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อาหารท้องถิ่นตามฤดูกาล

เย็นวันศุกร์เกือบห้าโมงเย็น ได้ตัดสินใจไปพักบ้าน ธรรมชาติ ขับรถคู่ใจไปอย่างไม่เร่งรีบประมาณ 80 กิโลต่อชั่วโมง ไปตามถนนสายอาเซียหมายเลข 4 ราว 25 กิโลเมตรถึงสี่แยกก็เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนทางหลวงหมายเลข 406 ไปอย่างสบาย มีรถไม่มากนักสองข้างทางมีสวนยาง สวนผลไม้ เช่นลำไย สวนเงาะ สวนทุเรียน ลองกอง สวนยาง และสวนปาลม์ข้างหลังต้นไม้มองไกลออกไปอีก จะเห็นทิวเขาเป็นเงาทอดยาวทับซ้อนกันเหมือนภาพเขียนที่แลเงาหนักเบา ลมพัดตลอดท้องฟ้ามีแสงของพระอาทิตย์เป็นสีเหลืองทองส่องกระทบกระจกรถ แดดเริ่มอ่อนตัว นานๆมีรถสวนมาให้เห็น บางช่วงก็ผ่านชุมชนที่อาศัยอยู่ใกล้ถนน ขับมาได้ประมาณ 20 กว่ากิโลเริ่มเห็นเพิงหลังคามุงสังกะสีบ้าง หรือบางแห่งมีโต๊ะตั้งวางผลไม้ต่างๆ มีร่มใหญ่กางสีแดง สีฟ้า บางครั้งก็เป็นสีเขียวตั้งเป็นหย่อมๆข้างทาง มีผลไม้วางไว้ขายผู้ที่ขับรถผ่านไปผ่านมา มีเงาะ ลองกอง ทุเรียน มังคุด จำปาดะ ที่ก้านเหล็กของร่ม จะมีลูกสะตอแขวนเป็นพวงๆ แกว่งไปมาตามกระแสลมที่มาปะทะ เห็นสะตอที่มีฝักงามเม็ดสะตอเรียงตัวเป็นระเบียบโอนเอีนง หมุนไปมา ทำให้นึกอยากรับประทานผัดสะตอขึ้นมา นานแล้วที่ไม่ได้รับประทานผัดสะตอ พรุ่งนี้เช้าจะต้องเข้าตลาดไปหาซื้ออุปกรณ์ในการผัดสะตอให้แม่นิดทำเป็นอาหารกลางวันให้...คิดแล้วยิ่งอยากรับประทาน

เช้าวันเสาร์หลังใส่บาตรพระเรียบร้อยก็เข้าตลาด ทุกๆเสาร์จะเป็นวันนัด มีแม่ค้าจากที่ต่างๆนำเอาผัก ผลไม้ ปู ปลา กุ้ง สินค้าอื่นๆเข้ามาขายมากกว่าปกติ ได้เดินดูเห็นชาวบ้านนำสะตอสดมากๆและฝักสวยมาขาย 3 ฝัก 10 บาท ได้เลือกไว้ 9 ฝัก และถามแม่ค้าว่าเป็นสะตอชนิดไหน แม่ค้าบอกว่าเป็นสะตอข้าว โดยทั่วไปสะตอจะมี 2 ชนิดคือสะตอข้าวทีได้ซื้อ มีลักษณะฝักเป็นเกลียว แต่ที่ซื้อมานั้นไม่เป็นเกลียวนะ แต่แม่ค้ายืนยันว่าเป็นสะตอข้าวแน่ๆ ฝักจะยาวประมาณ 31 ซม. กว้างประมาณ 4 ซม. จำนวนเมล็ดต่อฝักประมาณ 10-20 เมล็ด จำนวนฝักต่อช่อ



ประมาณ 8-20 ฝัก เมล็ดมีกลิ่นไม่ฉุน เนื้อเมล็ดไม่ค่อยแน่น อีกชนิดเรียกว่าสะตอดาน ฝักมีลักษณะตรงแบนไม่บิดเบี้ยว ยาวประมาณ 32 ซม. ความกว้างจะกว้างกว่าสะตอข้าวเล็กน้อย มีเมล็ดต่อฝักประมาณ 10-20 เมล็ด จำนวนฝักต่อช่อประมาณ 8-15 ฝัก เมล็ดมีกลิ่นฉุน เนื้อเมล็ดแน่น
สรรพคุณทางยาของสะตอ มีผลต่อความดันโลหิต ผลต่อการแบ่งตัวของเซล ผลยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ผลยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา ผลของการเกาะกลุ่มของเมล็ดเลือดแดง ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ในตำราไทยใช้เมล็ดสะตอขับลมในลำไส้ แก้ปัสสาวะปวดขัดหรือกะปริบกะปรอย หรือขุ่นข้น หรือมีเลือดไหล หรือเกี่ยวกับไตพิการ มีอาการแน่นท้อง รับประทานอาหารไม่ได้
การนำสะตอมาทำอาหาร สามารถทำอาหารได้หลายอย่างแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น เช่นผัดสะตอ ในแต่ละเมืองทำแตกต่างกันไป มีผัดสะตอเครื่องแกง ผัดสะตอใส่หน่อไม้กับเครื่องแกง ผัดสะตอเปรี้ยวหวาน ผัดสะตอกับกะปิ นอกจากนั้นสามารถใส่ในแกงเช่นแกงเหลืองบางคนเรียกแกงส้ม แกงหน่อไม้กับกะทิบางคนชอบรับประทานแกงนี้กับขนมที่เรียกว่าต้ม ( เป็นข้าวเหนียวห่อด้วยใบกะพ้อมัดเป็นสามเลี่ยม) สะตอเริ่มออกมาขายมากขึ้นในระยะนี้ แต่ยังไม่มากราคายังแพง การมีสะตอแสดงให้เห็นว่าใกล้ถึงวันทำบุญเดือนสิบซึ่งเป็นเดือนกันยายน จะมีการทำบุญใหญ่ให้กับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว จะมีประชาชนไปวัดมักจะทำแกงสมรมประกอบด้วยหน่อไม้กับสะตอมีกุ้งตัวเล็กใส่กะทิ แล้วมีขนมต้มเป็นของคู่กันจะทำเป็นพวง เพื่อให้วิญาณบรรพบุรุษสามารถนำกลับไปรับประทานต่อได้ซึ่งเป็นความเชื่อของคนในท้องถิ่น
ผัดสะตอที่อยากรับประทานเป็นสูตรของจังหวัดสงขลา นำสะตอมาปลอกเอาเปลือกนอกและเยื่อขาวๆที่หุ้มเมล็ดออก แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กตามยาวล้างน้ำแล้วสรงให้แห้ง



















เครื่องปรุงที่ใช้ผัดมีเครื่องแกง ประกอบด้วยพริกชี้ฟ้า หัวหอมแดง พริกขี้หนู กะปิ นำมาโขนกให้เข้ากันดีไม่ต้องละเอียดมาก และมีโปรตีนเป็นหมูสามชั้นเลือกที่มีมันน้อยๆ ถ้าใช้หมูเนื้อแดงจะไม่อร่อย นำหมูไปต้มแล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆยาวๆ มักจะผัดร่วมกับกุ้งสดด้วย





นำน้ำมันใส่กะทะไม่มากนักเอาเครื่องแกงที่เตรียมไว้ลงผัดให้หอม ใส้กุ้งสด หมูลงผัดให้เข้ากันเติมน้ำใส่น้ำปลา น้ำตาล แล้วใส่สะตอ ผัดให้สะตอสลดจะช่วยลดกลิ่นฉุน ชิมให้ออกหวานๆเค็มๆ เมื่อเสร็จให้เติมรสเปรี้ยวจากมะนาวให้ออกเปรี้ยวหวานตามต้องการ ก่อนดับไฟบีบมะนาวตอนสุดท้าย ซึ่งเป็นเคล็ดลับทำให้อาหารมีกลิ่นหอมของมะนาวจะน่ารับประทานมากๆๆ




มื้อกลางวันวันนั้น ก็ได้รับประทานสมใจ ขอบอกอร่อยม๊ากมากๆ เปรี้ยวหวานมีรสเค็มสอดแทรกตามด้วยรสเผ็ดเล็กๆๆ ถ้าอยากทำลองทำดู



อาหารท้องถิ่นตามฤดูกาล