วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

ข้าวมันสงขลา









ข้าวมันสงขลา เป็นอาหารเช้าที่ชาวสงขลาดั้งเดิมนิยม ซื้อรับประทานเป็นอาหารอย่างหนึ่งในหลายๆ อย่างที่มีให้เลือก มาในปัจจุบันข้าวมันที่เคยขายในอดีตถูกปรับเปลี่ยนไป ตามสภาวะเศรษฐกิจที่มีราคาแพง อย่างเช่นแกงไก่ของเดิมจะเป็นแกงไก่เนื้อล้วนๆ ไม่มีผักผสมลงไป น้ำแกงข้นขลุกขลิก แต่ส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะมีน้ำกะทิใสกว่า และใส่ผักเช่น ถั่วฝักยาว มะเขือ เป็นต้น เนื้อไก่จะสับทั้งกระดูก ข้าวมันสงขลาคิดว่าเป็นการดัดแปลงจากอาหารอิสลามที่นิยมรับประทานกันในภาคใต้ และมาเลเซีย ซึ่งเรียกว่า Nasi lemak (นาสิเลอมัก) เป็นอาหารที่คนท้องถิ่นกินกันได้ทุกช่วงเวลา ทั้งเช้า สาย บ่าย เย็น แต่ที่เห็นจะนิยมที่สุดน่าจะเป็นช่วงเช้า เพราะกินสะดวก พกพาง่าย และราคาถูกมากๆ ส่วนตัวข้าวของนาสิเลอมักนั้น นอกจากจะหอมกะทิสดแล้ว โดยมากจะใส่เตยหอม ขิง หรือตะไคร้เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับตัวข้าว ส่วนเครื่องเคียงนั้น โดยมากจะประกอบด้วยถั่วลิสงทอด แตงกวาหั่นแว่น ปลาฉิ้งฉ้างทอด (ภาษามาเลย์จะเรียก ikan bilis ครับ) ไข่ต้ม และซัมบัล (sambal: เครื่องเคียงที่ทำจากพริก หน้าตาคล้ายๆ น้ำพริกเผา บ้านเราทำได้หลายแบบมาก) แต่ถ้าจะให้หรูก็สามารถเสิร์ฟพร้อมๆ กับเครื่องเคียงอื่นๆ ได้เหมือนกัน อย่างไก่ทอด อาหารทะเล ผัดผักบุ้ง หรือ rendang ซึ่งอันนี้จะขึ้นอยู่กับร้านแต่ละที่และภูมิภาค อย่างแบบอินเดียก็จะไม่เสิร์ฟกับเนื้อวัว แบบมุสลิมไม่เสิร์ฟกับเนื้อหมู ส่วนแบบจีนๆ ก็จะเน้นเสิร์ฟกับเครื่องเยอะๆ แต่รสจะไม่เผ็ดจัด








Nasi Lemak*สำหรับ 4 ที่ประกอบด้วย



ข้าวหุงกะทิ กะทิ 2 ถ้วย น้ำ 2 ถ้วย ขิงผง 1/4 ช้อนชา ขิงสดซอยบางๆ 1 แง่ง เกลือเล็กน้อย ใบกระวาน 1 ใบ ใบเตย 3 ใบ มัดไว้เป็นข้อๆ ข้าวซาวและล้างให้สะอาด 2 ถ้วย



Sambal Ikan Bilis



น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ หอมหัวใหญ่ 1 หัว หั่นบางๆ กระเทียม 3 กลีบ ซอยบางๆ หอมแดง 3 หัว ซอยบางๆน้ำพริกเผา 2 ช้อนชา ปลาข้าวสาร หรือปลาฉิ้งฉ้าง 150 กรัม (ล้างและซับน้ำให้แห้ง)เกลือ ตามชอบน้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมะขามเปียก 1/4 ถ้วย ถั่วลิสง 1 ถ้วยแตงกวา 2 ลูก (หั่นเป็นแว่นๆ)ไข่ต้มสุกแข็ง 4 ฟอง ปลาข้าวสาร หรือปลาฉิ้งฉ้าง 150 กรัม (ล้างและซับน้ำให้แห้ง) น้ำมันพืชสำหรับทอด



สำหรับข้าวมันสงขลา



ข้าวจะหุงด้วยกะทิ กะทิใช้ทั้งหัวและหางกะทิ ถ้าไม่ต้องการให้มันมากใส่หัวกะทิเล็กน้อย ซอยหัวหอมบางๆ เกลือเล็กน้อย อาจใส่น้ำตาลด้วย และใส่ใบเตย ใส่กะทิพอท่วมข้าวสักหนึ่งข้อนิ้วชี้ ใช้หม้อไฟฟ้าหุงได้ ถ้าให้ดีใช้หม้อ tafral ข้าวจะได้ไม่ติดหม้อให้รำคาญใจ เมื่อเห็นว่าข้าวจะใกล้สุกจะต้องใช้ไม้พาย กลับข้าวบนลงล่างให้ระอุให้ทั่วทั้งหม้อ





แกงไก่ ใช้หน้าอกไก่ หั่นพอคำ เครื่องแกงประกอบด้วย พริกแห้ง ตะไคร้ ข่าพอสมควร ผิวมะกรูดไม่ต้องใส่ ถ้าอยากใส่ให้ใส่นิดเดียว หัวหอมใช้ครึ่งหนึ่งของกระเทียม เกลือ พริกไทย กะปิเล็กน้อย เวลาผัดเครื่องแกงคอยคนอย่าให้กะทิแตกมัน ปรุงรสด้วยน้ำตาล เกลือหรือน้ำปลาให้กลมกล่อม ไม่ต้องใส่ใบมะกรูด หรือใบโหระพา



เครื่องเคียงมี กุ้งหวาน น้ำพริกเผ็ด มะม่วงยำหรือมะขามยำ



กุ้งหวาน



ซื้อกุ้งขนาดเล็ก ล้างน้ำให้สะอาดตัดหัวกุ้งออก ตั้งไฟในช่วงแรกใช้ไฟแรงเพื่อให้กุ้งขึ้นแวว หลังจากนั้นลดไฟลงใส่น้ำเล็กน้อยอย่าใส่มากเพราะสักครู่น้ำกุ้งจะออก ตอนแรกใส่น้ำตาลปีบอย่ามากถ้ามากกุ้งจะแข็งเพราะน้ำตาลรัดตัวกุ้ง ซอยหัวหอมใส่เพื่อลดกลิ่นคาว ใส่เกลือเล็กน้อย เมื่อน้ำเริ่มงวดใส่น้ำตาลเพิ่ม

ยำมะม่วง ในช่วงเดือนเมษายน จะมีมะม่วงเบาออกมากสามารถนำมาทำยำมะม่วง เป็นรสเปรี้ยว มะม่วงไม่ต้องปลอกเปลือก นำมะม่วงไปขูดให้เป็นเส้นเล็กๆ ถ้าหน้ามะขามก็สามารถใช้มะขามแทนได้ โดยโขลกให้ละเอียดพร้อมเกลือ เพื่อไม่ให้มะขามมีสีดำ เมื่อเตรียมส่วนนี้เสร็จนำน้ำตาลปีบมาละลาย แล้วใส่หัวหอมซอย เครื่องเคียงนี้ออกรสเปรี้ยวนำ น้ำพริกเผ็ด เป็นเครื่องเคียงที่มีรสเผ็ดนำ ใช้กระเทียมกับพริกขี้หนูสวนในปริมาณที่เท่าๆกัน โขลกใส่น้ำมะนาว และน้ำตาลปีบเล็กน้อย เติมน้ำปลาหน่อยหนึ่ง ถ้าข้นมากอาจเติ่มน้ำต้มสุกแล้ว ได้เล็กน้อย การรับประทาน นำข้าวที่หุงด้วยกะทิ ใส่แกงไก่ กุ้งหวาน ยำมะม่วง น้ำพริกเผ็ด และมีแตงกวา มะเขือ หรือถั่วพลู เป็นผักสดแก้ม เวลารับประทานต้องนำทุกอย่างคลุกเคล้าให้เข้ากัน รสชาดจะหอมเครื่องแกง มีรสหวาน เผ็ด และเปรี้ยว อร่อยมากๆๆๆ ขอบอก

วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

บ้าน style Cottage ของอังกฤษ


สิ่งที่ฉันชอบมากในยามว่าง เมื่อเปิดดู web site สามารถบอกได้ว่าเรื่องอะไรที่เปิด webแล้ว มีความสุขและมันถูกจริตของฉัน ที่นอกเหนือเรื่องวิชาการ ฉันได้ลองตั้ง key word หลายอย่างจนสามารถบอกได้ว่าเรื่องที่ฉันต้องการอยากรุ้อยากเห็นนั้นได้แก่ เรื่องในกลุ่มเหล่านี้ การตกแต่งบ้าน สวนดอกไม้ การคิดสร้างสรรค์ ธรรมชาติ ชีวิตความเป็นอยุ่ที่เป็นชีวิตในชนบทมากกว่าชีวิตในเมือง รูปภาพเกี่ยวกับธรรมชาติ ดอกไม้ สวน ชอบอ่านเรื่องจริงๆที่เกิดขึ้นในวิถ๊ชีวิตที่ผู้นั้นเห็นแล้วชื่นชอบ ฉันอ่าน blog มาก และเห็นว่าสิ่งที่ฉันชอบนั้นมีอยู่ทั่วไป ฉันได้เรียนรู้และนำมาดัดแปลงกับวิถีชีวิตฉันหลายเรื่อง ได้ idea ดีๆหลายอย่างมาก และบางอย่างฉันก็นำมาเรียบเรียงใน blog ของฉัน เพราะเป็นเรื่องที่ฉันชื่นชอบ เอาไว้ได้ศึกษา แม้จะ copy มาจากการท่อง web บางครั้งเก็บไว้ลืมที่มาที่ไปของเจ้าของภาพ และภาพบางรูปก็เป็นการ copy ต่อๆกันมา หรือไม่ก็เป็นภาพจากการถ่ายจาก magazine ถ้าฉันจำได้ว่าไปเอามาจากไหนฉันจะบอกเล่าที่มา อย่างเช่นฉันเปิดไปเห็น blog ที่ตั้งหัวเรื่องว่า Lord Thomas of Wellington : english Cottage ซึ่งเขาเล่าว่าเขาชอบดู English Cottage ใน magazine รูปที่เขานำมาลงใน blog มาจาก online และจากการท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ในแต่ละปี เป็นต้น และมีบางภาพเจ้าของ blog ก็ได้มาจาก web บาง เห็นข้างทางบ้าง มักเป็นคนชอบ style cottage เหมือนๆกัน ดูแล้วสนุกมากแม้จะอยู่เมืองไทย ก็สามารถไปเห็นรอบโลก และเป็นคนคอเดียวกัน ทำให้ฉันได้เรียนรู้วิถีชีวิตของผู้อื่น การดำรงชีวิตต่างๆ การช่างจัด ช่างทำ ช่างนำเสนอ ทำให้ฉันเป็นคนที่เขียนอะไรไม่เป็นได้หัดเขียน หัดอ่าน หัดทำ และที่สำคัญทำให้ฉันกล้าที่จะเขียนให้สาธารณะชนได้อ่าน ถ้าบังเอิญเข้ามาอ่าน นอกจากนี้เป็นการฝึกอ่านภาษาอังกฤษไปในตัว
ฉันมีภาพที่เก็บไว้หลายภาพ จากหลายที่จะได้มารวมในที่เดียวกันเกี่ยวกับ English cottage












วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การออกแบบภายในห้องสีแดง-ขาว



ห้องที่มีการทาสีขาวหรือสีชมพูอ่อนมากๆ ในบางครั้งจะมีการเบรคผนังด้านหนึ่งด้วยสีแดง ซึ่งเป็นสีที่หนัก มาทำให้ห้องที่มีสีขาวหรือสีอ่อนๆนั้นดูนุ่มนวลมีมิติของห้องมากขึ้น การทาสีห้องที่มีการผสมผสานกันเกิดความน่าสนใจมากกว่าที่ทาสีเดียวในบางครั้ง สีแดงสามารถใช้เป็นสีหลักของห้องได้ หรือเป็นการเพิ่มความหวานน่ารักให้กับห้อง นอกจากการใช้สีแดงมาทาผนังห้องเราอาจใช้พรมแดง หรือทำพื้นเป็นสีแดง ใช้เฟอร์นิเจอร์ หรือใช้ผ้าม่าน การใช้สีแดงสามารถเพิ่มแรงจูงใจให้อยากทำงาน ห้องที่มีสีแดงจะทำให้เกิดความรู้สึกที่อบอุ่น ดังนั้นสีแดงเป็นสีที่เหมาะสมมากเมื่อมาใช้ร่วมกับสีขาว ฉันได้ค้นหาแบบห้องต่างๆที่ใช้การออกแบบโดยใช้สีแดง-ขาว เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดห้อง หรือเก็บไอเดียต่างๆไว้ในคลังสมอง เมือมีโอกาสสามารถดึงมาใช้งานได้ทันท่วงที











การรวบรวมเหล่านี้มาจาก web ต่างๆ ฉันลืมที่จะเชื่อมโยงไว้ ต้องขอโทษผู้เป็นเจ้าของรูปภาพนะคะ ขอบอกว่าคนไทยสามารถนำมาปรับให้เข้ากับวิถีความเป็นอยู่แบบไทยๆๆได้จ๊ะ

วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ภัยธรรมชาติ

เมืองที่ฉันทำงาน เคยมีประวัติน้ำท่วมใหญ่มาแล้วเมื่อ 10 กว่าปี ช่วงที่น้ำท่วมฉันมาช่วยงานที่กรุงเทพสามเดือน เดือนธันวาคมเป็นเดือนสุดท้ายที่ครบกำหนดกลับ ก่อนหน้ากลับ 2-3 อาทิตย์มีน้ำป่าไหลบ่าเข้ามาในเมืองทำให้พื้นที่ไม่เคยท่วมมาก่อนหลายแห่งเกิดน้ำท่วม บ้านในเมืองของฉันก็โดนด้วย คุณแม่ น้องสาวและญาติได้ช่วยเหลือ นำของทั้งหมดกลับบ้านต่างจังหวัดไปทำความที่นั้น สำหรับการล้างบ้าน น้าของฉันมีประสบการณ์มาก่อนแนะนำให้ล้างทันที่ที่น้ำลด ถ้าปล่อยให้แห้งจะล้างยากมาก ก็ได้รับการสงเคราะห์จากครอบครัวน้องสาวช่วยจัดการให้ เมื่อฉันกลับมาบ้านว่างเปล่าทำให้ฉันมีโอกาสได้จ่ายซื้อของใหม่เข้าบ้านเป็นการต้อนรับการกลับมาใหม่ของฉัน ได้อยู่ต่อมาอีก 10 ปี ระหว่างนั้นเมืองของฉันได้ปรับปรุงทางระบายน้ำตามพระราชดำริของในหลวง ทำให้ไม่เกิดน้ำท่วมอีกเลยแม้จะมีฝนตกหนักก็ตาม มีให้ลุ้นเป็นบ้างครั้งแต่ก็ไม่มีน้ำท่วม ส่วนบริเวณบ้านที่ฉันอยู่ เกิดคลองระบายน้ำใหญ่ขนาบสองข้าง บริเวณบ้านที่อยู่นั้นช่วงที่มาอยูจะสูงเท่ากับถนน วันเวลาผ่าไป ถนนถูกถมถนนให้สูงกว่าบ้านฉัน และบ้านใหม่ๆเริ่มมาสร้างรอบๆบ้านฉันมากมายก็ถมให้สูงกว่าเดิม หมู่บ้านฉันหมู่บ้านแรกๆก็เป็นหมู่บ้านพื้นที่ต่ำจนหน้ากลัว จนอยู่วัดดวงมาหลายครั้งฝนตกหนักน้ำก็ไหลทันออกทางระบายน้ำอย่างรวดเร็วลงคลองหมด แรกๆ น้องซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องจะขายบ้าน ไปหาที่อยู่ใหม่ ฉันบอกใจเย็นๆเพราะทางการได้ทำคลองระบายน้ำแล้ว และเห็นว่าน้ำไม่ท่วมการขายบ้านจึงหยุดไป แต่ที่ผ่านมาภาคไหนๆก็น้ำท่วมการท่วมครั้งนี้มันเกินความสามารถการรับมือของทะเลจริงๆ แต่เชื่อไม่ตอนน้ำท่วมบ้านครั้งนี้ฉันกับหลานไม่ได้กลับเข้าบ้านได้เดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด กะกันว่าค่อยขับรถมาทำงานโดยการตื่นเช้าหน่อย ทำให้ฉันไม่ได้เผชิญน้ำท่วมเหมือนครั้งแรก แต่ได้ขนของ ล้างบ้าน ทำให้บ้านว่างเปล่าอีกครั้ง ตู้หนังสือทิ้งไปหลายตู้รวมทั้งหนังสือที่ซื้อยังไม่ได้อ่านอีกหลายเล่ม ตำราต่างๆที่ไม่สามารถตัดใจกำจัดเพราะยังเสียดาย การท่วมครั้งนี้ช่วยเคลียร์ปัญหาต่างๆหมด ก่อนที่ฉันจะย้ายออกไปอยู่บ้านธรรมชาติในไม่ช้า

สภาพห้องนั่งเล่นตอนน้ำลดแล้ว







หลังจากเก็บกวาด ปล่อยให่บ้านแห้งสนิท ไม่มีกลิ่นอับ โดยการเปิดไฟ และเปิดพัดลมให้มีการระบายตลอดเวลา และเริ่มออกแบบใหม่ให้เรียบง่ายเก๋ พยายายามใช้สิ่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เรียบง่าย โปร่งไม่ยัดเยียดของให้แน่นเหมือนก่อน ปรับความคิดในรูปแบบเดิมออกให้หมด ไม่งั้นการจัดจะยึดภาพเดิม ฉันได้เอาเก้าอี้หวายแบบนั่งก็ได้นอนก็ดีที่เคยวางที่ห้องด้านหน้ามาไว้ที่ห้องนี้ ซึ่งเป็นห้องด้านหลังเป็นห้องเอนกประสงค์ โชคดีทีคราวทาสีใหม่ฉันใช้สีอาคาร์ลิก หลังน้ำท่วมไม่มีร่องรอยให้เห็นคราบน้ำทำความสะอาดง่าย ห้องนี้ในภาพรวมทาสีชมพูออกขาวมากๆ แล้วเบรคผนังด้านหนึ่งเป็นสีเข้มออกไปในโซนสีแดง แล้วสร้างจุดเด่นโดนใช้หงส์ทองเป็นชุดมีสามตัวสามขนาดติดผนังส่วนนี้ ฉันเอาเก้าอี้หวาย(เป็นเก้าอี้ที่ทนมากผ่านนำท่วมมาสองครั้งยังใช้งานได้ดีเหมือนเดิม)วางขนานกับผนังด้านนี้ ในส่วนที่นั่งฉันได้ไปซื้อผ้าใบชนิดหนาหน่อยเป็นสีขาวนวลมาเย็บด้วยมือ ทั้งที่มีจักรฉันไม่ถนัด ฉันใช้วิธีการเนาด้วยด้ายสองทบเนาถี่ๆเพราะจากประสบการณ์ทนทานและแน่นหนาใช้ได้ดีที่เดียว



เมื่อทำส่วนที่นั่งเสร็จ มานึกในส่วนพนักพิงจะใช้หมอนอิงแบบทั่วไป แล้วจะเอาสีอะไร ตอนแรกคิดว่าจะใช้สีแดง เพราะในส่วนผนังอีกด้าน ฉันได้เอาโต๊ะเก้าอี้จากบ้านธรรมชาติเป็นอลูมิเนียมที่วางไว้หน้าระเบียงบ้าน ดูแล้วสามารถนำมาใช้ประโยชน์ที่นี้มากกว่าวางไว้เฉยๆที่บ้านธรรมชาติ ฉันไปดูหมอนอิงที่โลตัสได้หมอนลายขาวแดงมาสองใบ ส่วนเบาะนั่งฉันก็เอาของที่มีจากบ้านธรรมชาติมาสองใบพร้อมปลอกหุ้มสีขาว เข้าชุดกันได้ดี สำหรับเก้าอี้สีน้ำตาลกำมะหยี่ เอามาสี่ตัวสลับกับชุดรับแขกที่โดนน้ำท่วมไว้ห้องข้างหน้าสามตัว ที่เหลือหนึ่งตัวมาไว้ที่ห้องนี้ ฉันเอาหมอนอิงสีขาวมาด้วยหนึ่งใบ พร้อมโต๊ะเตี้ยปูด้วยผ้าไหมเกาหลี เอาพลาสติกใสคลุมทับ แล้วจัดแจกันดออกไม้มาหนึ่งชุด ดูแลใช้ได้





เหลือแต่ส่วนที่เป็นพนักพิงของเก้าอี้หวาย ฉันเปลี่ยนความคิดจากหมอนทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส มาเป็นทรงผืนผ้าขนาดเล็กแทน และมีหมอนทรงผื้นผ้าหนาของทางอีสานสีออกสีน้ำตาลลายแบบทางอีสานสองใบ นึกว่าถ้าใช้สีแดงจะเป็นผ้าเรียบหรือผ้าลาย บังเกิดความคิดต้องหยุดเพราะตอนซื้อผ้าใบทำส่วนทำเบาะรองนั่งนั้นฉันบอกขนาดผิด คนขายก็ตัดเรียบร้อยแล้วก็ต้องสั่งตัดใหม่ ทำให้มีผ้าใบเหลือ ฉันลองเอามาวัดในการทำปลอกหมอนสี่ใบที่จะวางในเก้าอี้หวายนั้น ปรากฎว่าลงตัวไปหมดไม่มีการตัดผ้าทิ้งสักเซนต์เดียว ถ้าใช้สีเดียวจะโพนไม่เก๋ จึงหากระดุมและด้ายมันสีแดงมาออกแบบเพิ่มเติมจากเดิมที่ดูแล้วเรียบเกินไป ซึ่งการเย็บก็ทำมือเหมือนเดิม หนึ่งวันเสร็จหมดทุกใบ





หมอนอีสานที่ใส่ปลอกแล้ว



ภาพรวมของเก้าอี้หวายหลังได้มีการทำใหม่




วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554

ชีวิตชาวอังกฤษ ใน cottages

ฉันได้พบภาพวาดด้วยสีน้ำ ของ Arthur Claude Strachan เกี่ยวกับกระท่อมของชาวอังกฤษที่มีวิถีชีวิตความเป็นอยุ่ในช่วง ค.ศ. 1865-1929 ภาพเขาวาดได้เรียนรู้ความเป็นอยุ่ของคนอังกฤษในช่วงนั้นเป็นอย่างดี สามารถสะท้อนให้เห็นจากภาพวาด เขาเป็นคนสกอตแลนด์ เกิดที่ Edinburgh ภาพที่สวยของเขาคือภาพ flower-wreathed cottage และ Village scene เขาศึกษาศิลปที่ liverpool ภาพที่วาดเกียวกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนอังกฤษ

ภาพ A Cottage at Ashton Under hill


ภาพ A Cottage by a Duck Pond

ภาพ A Country Lane

ภาพ A Devon Cottage
ภาพ A Warwickshire Lane

ภาพ A Woodland Cottage

ภาพ Cottage scene



ภาพ Doves Before Cottage

ภาพ Gardening Outside the Cottage



ภาพ Girl and Kitten Before Cottage
ภาพ Girl with Cat and Doves


ภาพ Girl with Dog Outside Cottage

ภาพ Girl with Doves before a cottage

ภาพ Girl with Kitten Outside a House

ภาพ Going to market


ภาพ Large Cottage by a river


ภาพ Mother and Children Outside a Cottage


ภาพ Outside the Cottage


ภาพ PLAYFUL PUPPIES


ภาพ Playing Kids


ภาพ Sheep Outside aCottage


ภาพ Taking Out the Washing

ภาพ The Little a Gardener

ภาพ The Visitors



ภาพ Watching the Ducks



ภาพ Woman before a Cottage

ภาพ Woman Outside Cottage with Ducks